Prologue
บนกิ่งไม้ใหญ่ที่มีหญิงสาวร่างผอมบางนอนอยู่เกิดสั่นไหว มือบางคว้าลำต้นไม้ใหญ่ยึดไว้เพื่อเป็นหลัก อาการสะลึมสะลือหายเป็นปลิดทิ้ง ใบหน้าสะสวยก้มลงไปมองยังเบื้องล่างก็พบกับตัวต้นเหตุ เด็กชายหญิงหลายคนที่กำลังร่วมมือกันเขย่าต้นไม้อยู่หยุดมือเมื่อพบว่าพวกของตนถูกอีกฝ่ายจับได้แล้ว
"ลิน่า ท่านช่วยเล่านิทานให้พวกเราฟังได้หรือไม่"เด็กที่โตที่สุดในกลุ่มกล่าว
"แต่นี่เป็นเวลาพักของข้านะ"กล่าวจบก็ลุกขึ้นยืนบนกิ่งไม้สูงก่อนจะกระโดดลงบนกิ่งไม้ใหญ่ที่อยู่ต่ำกว่า ดวงตาคู่สวยมองใบหน้าที่หม่นลงของเด็กกลุ่มนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจ ปากก็พลางขยับเป็นคำพูดตอบกลับอีกคน "ก็ได้ๆ พวกเจ้าทำหน้าตาเศร้าหมองเช่นนี้ข้าจะปฏิเสธลงได้อย่างไรเล่า"
"ไหนดูซิว่าจะเล่าเรื่องอะไรให้พวกเจ้าฟังดี"มือขาวสะอาดพลิกเปิดหน้ากระดาษของหนังสือเล่มหนาในมือ ก่อนจะหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงทักท้วงจากคนด้านล่าง
"พวกข้าฟังจนหมดแล้ว ท่านเล่าเรื่องจากหนังสือเล่มอื่นได้หรือไม่"
"อืมมม ก็ได้แต่เรื่องนี้ค่อนข้างยาวนะ พวกเจ้าอาจจะเบื่อได้น่ะสิ"หนังสือเล่มหนาถูกวางลงไว้บนตักของคนที่นั่งห้อยขาอยู่ ชายกระโปรงสีขาวสะอาดปลิวไปทางเดียวกับทิศทางลมปรากฏภาพสวยงามราวกับภาพวาด
"ไม่มีทาง ไม่มีสิ่งใดน่าสนใจเท่านิทานของท่านอีกแล้ว"เด็กหญิงกล่าวก่อนจะนั่งลงรอฟังนิทานอย่างใจจดใจจ่อ หญิงสาวในชุดกระโปรงสีขาวเอนตัวลงพิงกับต้นไม้ซึ่งเป็นท่าประจำยามเล่านิทาน เมื่อเห็นเช่นนั้นเด็กๆก็เงียบลงเพื่อตั้งใจฟังนิทาน ริมฝีปากสีสดส่งเสียงหวานนุ่มหูในระดับเสียงที่ดังพอทุกคนจะได้ยิน
"กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ภายในอาณาจักรแห่งหนึ่งที่ชื่อว่า อาณาจักรลอริลิน ผู้คนของที่นั่นล้วนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีอ่อนที่มีความประณีตงดงาม พวกเขาเชื่อกันว่าบรรพบุรุษของพวกเขามีสายเลือดมาจากเทพ และหากมีสายเลือดเทพเข้มข้นเพียงใดจะยิ่งมีพลังและอำนาจมากตามไปด้วย
ระดับชั้นของตระกูลต่างๆจะถูกแบ่งตามความเข้มข้นของพลังเวทย์ที่สืบต่อกันมาในแต่ละรุ่น โดยเริ่มจากตระกูลระดับสูงที่เรียกว่าไอลอนก้า ตระกูลระดับกลางโอเลธา ไปจนถึงตระกูลระดับต่ำลูมินิต้า
หญิงสาวผู้หนึ่งนางมีนามว่าวาเลนเซีย นางเกิดจากสามีภรรยาคู่หนึ่งที่มาจากตระกูลชั้นโอเลธา วาเลนเซียเป็นหญิงสาวรูปร่างสมส่วน ใบหน้างดงามอ่อนหวาน ดวงตากลมโตมีเสน่ห์ ความงามของนางเป็นที่เลื่องลือไปทั่วทั้งอาณาจักร นางมีสหายอยู่สองคน หนึ่งเป็นบุรุษรูปงามร่างกายสูงโปร่งนามอีริค เด็กหนุ่มจากตระกูลชั้นโอเลธาเช่นเดียวกัน และอีกคนหนึ่งเป็นสตรีนามว่าลิแอนน์ หญิงสาวจากตระกูลระดับไอลอนก้า ทั้งสามเป็นสหายกันมาตั้งแต่ยังเยาว์วัยจนกระทั่งเติบใหญ่
วันหนึ่งอีริคได้แนะนำสตรีทั้งคู่ให้รู้จักกับสหายของตน คนแรกเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูง เรือนผมสีทองสว่าง ใบหน้าประณีตงดงามแต่ก็แฝงความเย็นชาอยู่หลายส่วนนามว่าลูเซียน และชายอีกคนหนึ่งนามว่า ซามูเอล ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่เรือนผมสีดำสนิท ดวงตาคู่คมดูเจ้าเล่ห์ ทั้งห้าคนนับวันยิ่งสนิทสนมกันมากขึ้น มากจนก้าวล้ำเกินกว่าคำว่าสหาย
'ข้ารักซามูเอล'ขณะที่วาเลนเซียและลิแอนน์กำลังพูดคุยกันอยู่เพียงลำพังจู่ๆวาเลนเซียก็โพล่งประโยคหนึ่งออกมา 'ข้ารู้ ข้าจะช่วยเจ้าข้าสัญญา'
ทุกอย่างควรจะง่ายดายหากไม่เป็นเพราะศึกสงครามที่เกิดจากความแตกแยกของคนในอาณาจักร ลูเซียน อีริค และซามูเอล สั่งสมกำลังทหารบางส่วนไว้และก่อกบฏ ทั้งสองฝ่ายทำสงครามกันและด้วยจำนวนที่น้อยกว่าพวกเขาจึงเป็นฝ่ายแพ้ และทั้งหมดต้องจากอาณาจักรแห่งนี้ไป วาเลนเซียเองก็เลือกที่จะจากไปพร้อมชายคนรัก เหลือเพียงลิแอนน์
หลายวันในอาณาจักลอริลินเทียบเท่าหลายปีบนโลกมนุษย์ ลิแอนน์ได้บังเอิญไปรู้ความลับบางอย่าง นางจึงลักลอบหนีจากอาณาจักรเพื่อไปยังโลกมนุษย์และกล่าวเตือนวาเลนเซีย ซึ่งนางทำสำเร็จและไม่มีผู้ใดล่วงรู้ถึงการกระทำของนาง ลิแอนน์แอบมายังโลกมนุษย์อยู่บ่อยครั้งจนสุดท้ายนางก็ถูกจับได้ ในเวลานั้นเพื่อช่วยเหลือนาง วาเลนเซียจึงยอมสละชีพของตนตามคำเรียกร้องของชาวเมืองลอริลิน
ลิแอนน์ไม่มีหน้าไปพบซามูเอลชายคนรักของวาเลนเซีย และยิ่งไม่กล้าสู้หน้าลูเซียน ลิแอนน์เลือกที่จะเมามายอยู่โลกมนุษย์บ่อยครั้งสุดท้ายนางก็ถูกทำโทษโดยการส่งไปเกิดเป็นมนุษย์และต้องเผชิญชะตากรรมอันเหี้ยมโหด.."
"เอาล่ะวันนี้พอแค่นี้ก่อน ใกล้จะเย็นแล้วพวกเจ้ากลับบ้านไปก่อนเถิดค่อยมาฟังต่อคราวหลัง"หลังจากทุกคนจากไปแล้ว เหลือเพียงความเงียบงัน ใบหน้าหวานมองไปยังทิศทางที่ดวงอาทิตย์กำลังจะลาลับไปเปลือกตาสีมุกถูกปิดลงตั้งใจจะทิ้งตัวลงอีกครั้งกลับต้องสะดุ้งเพราะเสียงตะโกนเรียกชื่อนางจากข้างล่าง
"ท่านจะนอนอยู่นั่นทั้งคืนเลยหรืออย่างไร ข้าทำอาหารเสร็จแล้วรีบลงมาทานได้แล้ว"เด็กหญิงวัยสิบสามปีตะโกนบอกคนที่อยู่ข้างบนต้นไม้ก่อนจะเดินจากไป
................
-ใช้วิจารณญาณในการอ่าน
-บุคคลและสถานที่ไม่มีอยู่จริง
ความคิดเห็น